ประวัติหมู่บ้านต่างๆในตำบลนาสะอาด อำเภอสร้างคอม

ตำบลนาสะอาดมีหมู่บ้านในอาณาเขตตามลักษณะการแบ่งเขตการปกครองจำนวน ๘ หมู่บ้าน ดังนี้

๑. บ้านนาสะอาด หมู่ที่ ๑ ตำบลนาสะอาด
ประวัติหมู่บ้าน บริเวณบ้านนาสะอาดเมื่อครั้งก่อนเป็นป่าดงดิบ มีลำห้วยชื่อห้วยศาลา ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก ต้วยความอุดมสมบูรณ์จึงทำให้ประชาชนล้านโพนฆ้องแยกย้ายมาอาศัยบุกเบิกตั้งรกรากทำ สวน ไร่ นา แต่ก็เกิดวาตภัยทีให้ไร่นาเสียหาย จึงทำให้ประชาชนแยกย้ายที่อยู่ไม่มีคนอาศัย จึงทำให้ถูกขนานนามว่า “ บ้านนาแม่ฮ่าง “ ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๘๐ นายแก้ว พันฆ้อง , นายจันที คำสร้าง , นายเหล็ก วิสัยหมู , นายเปลี่ยน โพนที , ยายแหม โพธิ์ทิพย์ ได้มาตั้งรกรากอาศัยอยู่ ได้มีการขุดลอกห้วยให้ลึกลงไปอีก จึงไม่ประสบภัยน้ำท่วมอีก สวน ไร นา จึงมีความอุดมสมบูรณ์ และได้ตั้งชื่อหมู่บ้านให้ว่า “ บ้านนาสะอาด “ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
๒. บ้านหายโศก หมู่ที่ ๒
ประวัติหมู่บ้าน บ้านหายโศกแยกออกจากบ้านนาสะอาด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๐ ในสมัยนั้นมีครัวเรือน เพียง ๔๕ หลังคา มีประชากรทั้งสิ้น จำนวน ๒๘๐ คน บ้านหายโศก แต่ก่อนเรียกตามภาษาพื้นบ้านว่า “ คุ้มนาโศก “ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๐ ได้เลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านขึ้นปกครองหมู่บ้าน คือ นายอุ่นเรือน ดวงดี และทำหน้าที่ผู้ใหญ่บ้านเป็นเวลา ๑๑ ปี ก็เกษียณอายุ ( เมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๓๑ ) เมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๓๑ ได้เลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านคนใหม่ขึ้นแทน นายอุ่นเรือน ดวงดี ได้นายคำฝั่น คำธาตุ เป็นผู้ใหญ่บ้าน ตั้งแต่วันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๓๑ เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน ปัจจุบันบ้านหายโศกมีบ้านเรือนจำนวน ๑๐๘ หลังคา และประชากรชาย หญิงรวม ๔๓๗ คน

๓. บ้านนาหว้า
ประวัติหมู่บ้าน บริเวณบ้านนาหว้า เมื่อครั้งก่อนเคยมีต้นหว้ามากมายหลายชนิด “ หว้า “ เป็นชื่อไม้ยืนต้นชนิดหนึ่ง สามารถขึ้นได้ทั้งในที่ลุ่มและที่ดอน เวลาออกดอกช่อดอกสีขาว ผลสุกออกสีดำอมม่วง “ นา “ คือ พื้นที่สำหรับปลูกข้าวของชาวนา มีลักษณะเป็นคูดินกั้นรอบ ๆ ทั้งสี่ด้านเพื่อให้น้ำขังทั่วแปลงนา นาผืนหนึ่งอาจจะมีแปลงนาหลาย ๆ แปลงติดต่อกันก็ได้ขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่นั้น ๆ สมัยก่อนเมื่อแรกจะมาตั้งบ้านนาหว้านั้น ราษฎรส่วนมากยังเป็น ชาวบ้านโพนฆ้องและบ้านสร้างคอม แต่มีที่นาอยู่ไกลบ้าน สมัยนั้นการคมนาคมไม่สะดวก ราษฎรต้องใช้เวลาในการเดินทางออกไปทำนาซึ่งอยู่ไกลจากหมู่บ้านของตนเอง ทำให้หลายครอบครัวต้องนอนพักอยู่ที่นาของตัวเองตลอดฤดูการทำนา หลังเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จก็ต้องเดินทางกลับเข้าหมู่บ้านตามเดิม มีบางครอบครัวที่อยู่ทำกินในที่นาของตนเองโดยไม่กลับเข้าบ้าน
เล่ากันว่าผู้คนกลุ่มแรกที่ได้ชักชวนกันเข้ามาตั้งถิ่นฐานในที่นาของตนเองนั้นมี นายผิว สิงสัตย์ , นาฟอง สิงห์สัตย์ , นายจันดา บัวคอม , นายผง สิงห์สัตย์ , นายสมบูรณ์ ก่องขัน นายอุ้ย คำจันทร์ , นายน้อย คำจันทร์ และนายเคน คำจันทร์ เป็นผู้นำในการสร้างบ้านแปลงเมืองให้เจริญรุ่งเรือง และได้ขอตั้งบ้านขึ้นใหม่ในนาม “ บ้านนาหว้า “ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่นา และต้นหว้าดังกล่าว เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๔๘๒ โดยมี นายสมบูรณ์ ก่องขัน เป็นผู้ใหญ่บ้านคนแรก

๔. บ้านนาหงษา
ประวัติหมู่บ้าน บริเวณบ้านนาหงษา เมื่อครั้งก่อนเคยเป็นบ้านนาหว้ามาก่อน ทิศใต้ของหมู่บ้านมี ลำห้วยหัวขัวไหลผ่านลงสู่อ่างน้ำพาน ห้วยหัวขัว เป็นชื่อที่ใช้เรียกลำน้ำ คือ ห้วยหัวขัว ความหมาย ของคำหัวขัว เมื่อก่อนไม่มีสะพานเหมือนทุกวันนี้ จะมีไม้กรมท่อนยาววางพาดระหว่างสองฝั่งสำห้วยนั้น จึงเรียกกันว่าหัวขัว หรือ ห้วยหัวขัว สมัยก่อนเมื่อแรกตั้งหมู่บ้านนาหงษาได้อยู่ในบริเวณบ้านนาหว้ามาก่อน อยู่มาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๑ ได้ขอแยกหมู่บ้านมาเป็นบ้านนาหงษา เมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๒๑ มีนายถนอม ดวงภักดี เป็นผู้ใหญ่บ้าน
บริเวณบ้านนาหงสา เมื่อก่อนมีนายหงษ์ และนายเทสา มาอาศัยอยู่ก่อน แต่ไม่ปรากฏว่าใครมาตั้งถิ่นฐานทำนาก่อนใคร ก็เลยนำชื่อสองคนนี้มารวมกันเป็นชื่อบ้าน เพื่อให้เกียติแก่บรรพบุรุษสืบไป แต่สองท่านนี้มาจากที่ใดไม่มีใครรู้

๕. บ้านดอนเหมือดแก้ว
ประวัติหมู่บ้าน บริเวณที่ตั้งบ้านดอนเหมือดแก้ว สมัยก่อนตั้งหมู่บ้านเป็นป่าเหมือด ซึ่งเป็นป่าที่ไม่ใหญ่ ภาษาชาวบ้านเรียกว่า “ ดอนเหมือดแก้ว “ ต้านเหมือดเป็นไม้ยืนต้นที่ค่อนข้างเล็ก สูงประมาณ ๒ - ๓ เมตร ลักษณะลำต้นเป็นสีดำ ผู้ที่เข้ามาบุกเบิกถางป่า เพื่อตั้งหมู่บ้าน คือ คุณตาฟอง สิงห์สัตย์ และญาติพี่น้อง ปัจจุบัน คุณตาฟอง ได้เสียชีวิตไปแล้ว บ้านเดิมอยู่บ้านโพนฆ้อง แต่มาจับจองที่นา อยู่บริเวณติดที่ตั้งบ้านดอนเหมือดแก้ว เริ่มตั้งบ้านก็มีแต่ญาติพี่น้อง อยู่ต่อมาก็มีคนต่างถิ่นย้ายมาอยู่ด้วย คุณตาฟองก็แบ่งที่ให้ทำ ซึ่งหมู่บ้านตอนนั้น ก็ไม่ถึง ๑๒ หลังคา ก็เลยเรียกงาย ๆ ว่าบ้านน้อยขึ้นอยู่กับบ้านนาหว้า ตำบลเชียงดา เมื่อครัวเรือนได้สิบกว่าหลังคา ก็แยกออกจากบ้านนาหว้า คุณตาฟอง ซึ่งเป็นผู้ใหญ่สมันนั้นได้ประชุมกับชาวบ้านเพื่อตั้งชื่อหมู่บ้านึ้นใหม่ ตกลงก็เลยได้ชื่อใหม่เป็น “ บ้านดอนเหมือดแก้ว “ คำต่อท้าย “ แก้ว “ ได้มาจาก ชื่อคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้าน คือ คุณยายแก้ว สิงห์สัตย์ ซึ่งเป็นพี่สาวคุณตาฟอง ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว จับจากนั้นมา บ้านน้อยก็เรียกใหม่ว่า “ บ้านดอนเหมือดแก้ว” ผู้ใหญ่บ้านคนแรกคือ คุณพ่อบุญ เทียมสิงห์สังวร

๖. บ้านนาไชฟอง
ประวัติหมู่บ้าน
เดิมสถานที่ตั้งหมู่บ้านเป็นโคกเป็นป่าเป้งและป่าหวายประปนกันเป็นจำนวนมาก มีพ่อตาฟอง สิงห์สัตย์ และแม่ยายน้อย สิงห์สัตย์ เดิมสองผัวเมียอยู่บ้านนาหว้าได้มาตั้งบ้านเรือนอยู่บ้านดอนเหมือดแก้วมีบุตรด้วยกันสองคนได้มาจับจองที่นาด้านทิศเหนือของหมู่บ้านสภาพเดิมเป็นป่าทึบคนเก่า เรียกชื่อว่าดงห้วยผึ้ง เพราะว่ามีผึ้งมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากมีป่าไม้ใหญ่เป็นไม้ยางป่าเล็กเป็นไม้ไผ่โจดหนาทึบพื้นดินเป็นลำห้วยเป็นคลองและเป็นบ่อน้ำซับบ่อน้ำซึมอยู่ทั่วบริเวณป่านี้ แต่ก่อนผีดุมาก ไม่มีใครสามารถจับจองเป็นที่นาได้ มีพ่อตาฟอง และแม่ยายน้อยได้มาประจำอยู่ที่นา ต่อมาได้มีคนหลายเผ่ามาอยู่แต่แล้วก็ย้ายหนีไป
ต่อมาพ่อตาฟองก็ได้เมียอีกหนึ่งคนเป็นคนที่บ้านนาชัย ฝั่งลาวเอามาอยู่กินร่วมกันแต่ก่อนคนเรียกชื่อว่า “ บ้านหลุมโจด “ เป็นหมู่บ้านยังไม่เป็นทางการอยู่ต่อมาถึงปี พ.ศ. ๒๕๐๙ ได้มีหลายครอบครัวย้ายมาประมาณ ๑๕ ครัวเรือน ได้อาศัยเป็นบ้าน ขึ้นกับบ้านนาหว้า ต่อมาปี พ.ศ. ๒๕๑๐ ทาราชการได้มาแต่งตั้งให้เป็นหมู่บ้านเป็นทางการชื่อ บ้านนาไชยฟอง ได้มาจาก นามบ้านเมียน้อย ฟองก็เอามาจากชื่อพ่อตาฟอง เพราะพ่อตาฟองเป็นผู้นำพาสร้างบ้านแปลงเมือง ได้แต่งตั้ง นายประดุงศักดิ์ โพนดงหอง ดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านเมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๑๐ เป็นคนแรก

๗. บ้านโปร่งสวรรค์
ประวัติหมู่บ้าน บริเวณบ้านโปร่งสวรรค์ครั้งก่อน เคยเป็นทุ่งนาติดป่าทิศใต้ติดหนองน้ำขนาดเล็กชาวบ้านเรียกว่า “ หนองโปร่งคอม “ และมีครองน้ำขนาดเล็กเชื่อมไปทางทิศตะวันออกเรียกว่า “ ห้วยน้ำเค็ม “ ที่ลงไปจดหนองผักเทียม สมัยก่อนชาวบ้านเรียกว่า “ โปร่งคอม “ หมายความว่า มีน้ำซึมซับตลอดปี มีต้นคอมปกคลุม ชาวบ้านจึงเรียกว่า “ โปร่งคอม “ กลุ่มแรกที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานก็มีครอบครัว นายเตียง คำจันทร์ อพยพมาจากบ้าน นาหว้า ครอบครัวนายสุดตา ไตรฆ้อง อพยพมาจากบ้านนาหว้า ครอบครัวนายจันทร์ นามราช อพยพมาจากบ้านนาหงษา ครอบครัวนายปัน อินทฤาชัย อพยพมาจากบ้านนาหว้า ครอบครัว นายสุภี ศรีสร้างคอม จากบ้านนาหว้า ครอบครัวนายอุ้ย ธาตุไพบูรย์ นายชนะ ฆ้องลา ก็อพยพมาจากบ้านนาหว้า และนายเพนียง คำจันทร์ ที่เป็นผู้ใหญ่บ้านในปัจจุบัน แต่ก่อนยังโสดแต่ก็ยังมีหลังคาเรือนอยู่ บุคคลดังกล่าว มาปรึกษาหาลือกันเพื่อตั้งบ้าน และเพื่อให้เป็นศิริมงคล จึงเปลี่ยนชื่อจาก “ โปร่งคอม “ เป็นชื่อ “ โปร่งสวรรค์ “ ส่วนคำว่า “ สวรรค์ “ นั้นเรียกมาจากความสูงลาดเนินสวยงาม จึงเรียกว่า “ สวรรค์ “ บุคคลเหล่านี้อพยพมาอยู่ตามที่นาของตัวเอง และได้จัดสรรสร้างหมู่บ้านโปร่งสวรรค์ ขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๖๒๒ ให้เจริญรุ่งเรืองจนถึงปัจจุบันนี้

๘. บ้านหนองม่วง
ประวัติหมู่บ้าน บริเวณบ้านหนองม่วงเคยเป็นป่าดงดิบมาก่อน ซึ่งทางทิศตะวันตกของหมู่บ้าน เป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ โดยเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ น้ำสามารถนำมาอุปโภค และบริโภคได้ สัตว์ป่าในป่าดงดิบแห่งนี้จะลงมากินน้ำในหนองนี้แห่งเดียวเท่านั้นโดยมากแล้วจะเป็นสัตว์จำพวกไก่ป่า , กระต่าย กระรอก , กระแต และอื่น ๆ ที่สำคัญหนองน้ำแห่งนี้จะมีต้นมะม่วงเกิดขึ้น กลางหนองน้ำ และบริเวณใกล้เคียง ซึ่งเป็นต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่ และสูงมาก “ หนอง “ เป็นชื่อที่ใช้เรียกลำน้ำ เมื่อมีฝนตกน้ำจะไหลเซาะดินให้พังทลายลง เมื่อน้ำไหลเซาะนาน ๆ เข้า จะทำให้เป็นแหล่งน้ำขนาดกว้างและลึก จึงเรียกกันว่า “ หนอง “ ปัจจุบันขุดเป็นสระน้ำสาธารณะแล้วเพื่อเป็นการอนุรักษ์ แห่งความทรงจำ “ ม่วง “ เป็นชื่อที่ใช้เรียกต้นไม้ชนิดหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นในป่าแห่งนี้มีดอกสีขาว ซึ่งถึงฤดูจะออกดอกสะพรั่งตามลำน้ำ และผลสามารถกินได้บางต้นผลจะมีรสหวานหอม และบางต้นจะมี รสเปรี้ยวตามธรรมชาติ เล่ากันว่า กลุ่มแรกที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานที่บ้านหนองม่วงแห่งนี้มี นายสอ ครองสิงห์คาม ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านประจำหมู่บ้านนาหว้า นายหนู สวนคาย และนายเลิศ คำพิสัย บุคคลเหล่านี้เป็นผู้สร้างบ้านปลงเมืองให้เจริญรุ่งเรืองมาจนถึงปัจจุบันนี้
เนื่องจากบุคคลดังกล่าวข้างต้นนี้มีนาอยู่บริเวณแห่งนี้ เมื่อก่อนถนนหนทางไปมาหาสู่กันลำบากมาก โดยเฉพาะฤดูฝน การลักเล็กขโมยน้อยมีมาก เมื่อการสัญจรไปมาลำบาก จึงพากันนอนอยู่นาเป็นประจำจนเกิดความเคยชินกับป่าดงดิบดังกล่าว การเดินทางสมัยก่อนต้องใช้เกวียนเป็นพาหนะ เมื่อการเดินทางลำบาก จึงได้อพยพจากบ้านนาหว้า มานอนอยู่นา และสร้างบ้านเรือนอยู่อย่างถาวรจนก่อตังเป็นบ้านหนองม่วง ในปัจจุบัน


ที่มา สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุดรธานี